วันศุกร์ที่ 4 มกราคม พ.ศ. 2556

บทที่7เทคโนโลยีการจัดการสารสนเทศและองค์ความรู้

บทที่7 เทคโนโลยีการจัดการสารสนเทศและองค์ความรู้ 




ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับที่มาขององค์ความรู้


1. ความหมายและที่มาขององค์ความรู้
   1.1ข้อมูล (dataเป็นข้อเท็จจริงที่ถูกบันทึกลงไป และยังไม่ได้นำมาแปลความหมาย
  1.2 สารสนเทศ (informationเป็นข้อมูลที่ผ่านการกลั่นกรอง วิเคราะห์ หรือสังเคราะห์ ให้ข้อมูลเกิดการตกผลึก มีการแปลงรูปของบันทึกและข้อมูลให้ง่ายต่อการทำความเข้าใจมากขึ้น
   1.3 ความรู้ (knowledgeหมายถึง สิ่งที่สั่งสมจากปฏิบัติ ประสบการณ์ ปรากฏการณ์ซึ่งได้ยิน ได้ฟัง
    1.4 ปัญญา (wisdomเป็นความรู้ที่มีอยู่นำมาคิดหรือต่อยอดให้เกิดคุณค่า หรือคุณประโยชน์มากขึ้น

2.ความหมายของการจัดการสารสนเทศ
2.1การนำเข้าข้อมูล (inputประกอบด้วย 4 ขั้นตอน ดังนี้
 2.1.1 การเก็บรวบรวมข้อมูล
 2.1.2การจัดระเบียบข้อมูลเพื่อให้ได้ข้อมูลที่ใช้ได้ตามวัตถุประสงค์ มีกระบวนการดังนี้
  1)การประเมินคุณค่าของข้อมูล
  2)การตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูล
  3)การตรวจแก้ข้อมูล
  4)การนำเข้าข้อมูล 
2.2การประมวลผลข้อมูล (data processing) 
  2.2.1 การเรียงลำดับ(arranging)
  2.2.2 การจัดหมวดหมู่ข้อมูล (classify)
  2.2.3 การคำนวณ (calculation)
  2.2.4 การสรุป (summarizing)
  2.2.5 การวิเคราะห์ข้อมูล (data analysis)
2.3 การจัดเก็บสารสนเทศ (storing) 
  2.3.1 การจัดเก็บสารสนเทศไว้ที่แหล่งเดียวกัน 
  2.3.2 การจัดเก็บสารสนเทศที่เป็นผลผลิตจากกระบวนการ   
           ประมวลผลไว้ในสื่อจัดเก็บประเภทต่างๆ
  2.3.3 การสืบค้นเพื่อใช้งาน
2.4 การส่งออกหรือการแสดงผล (output) เป็นกระบวนการของการประมวลผลไปสู่บุคคลที่ต้องการนำสารสนเทศไปใช้ในรูปแบบที่เหมาะสม
2.5 การสื่อสารสารสนเทศ (information communicating) เป็นการส่งสารสนเทศไปยังบุคคลอื่นหรือสถานที่อื่นโดยอาศัยเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารโทรคมนาคมในการกระจายสารสนเทศไปสู่ผู้ใช้ตามต้องการ

3. ความหมายของการความรู้
    1) การกำหนดความรู้หลักที่จำเป็น
    2) การเสาะหาความรู้ที่ต้องการ
    3) การปรับปรุง ดัดแปลง
    4) การประยุกต์ใช้ความรู้ในกิจการงานของตน
    5) การนำประสบการณ์จากการทำงานมาแลกเปลี่ยนเรียนรู้
    6) การจัดบันทึก


ความสัมพันธ์ระหว่างระบบสารสนเทศ
 จำแนกระบบตามการให้การสนับสนุนของระบบสารสนเทได้5ประเภท ดังนี้
1.ระบบประมวลผลรายการ Transaction Processing Systems : TPS)
1.1 ระบบประมวลผลรายการมักมีลักษณะดังนี้
  1.1.1 ข้อมูลมักจะมีจำนวนมาก
  1.1.2 ต้องมีการประมวลผลข้อมูลเพื่อสรุปยอดต่างๆ เป็นประจำ
  1.1.3 ต้องมีความสามารถในการเป็นหน่วยจัดเก็บข้อมูลที่ดี
  1.1.4 ต้องมีความง่ายในการใช้งาน
  1.1.5 ระบบ TPS ถูกออกแบบให้มีความเที่ยงตรงสูง
1.2 หน้าที่ของระบบประมวลผลรายการมี 3 ประการ คือ
  1.2.1 การทำบัญชี (book keeping)
  1.2.2 การออกเอกสาร (document issuance)
  1.2.3 การทำรายการควบคุม (control reporting)
2.ระบบสารสนเทศสำนักงาน (Office Information System : OIS) หรือระบบสำนักงานอัตโนมัติ (Office Automation System : OAS) แบ่งหน้าที่ได้เป็น 4 ประเภท ดังนี้
 2.1 ระบบจัดการทางด้านเอกสาร (document management system)
  2.2 ระบบการส่งข่าวสาร (message-handing system)
  2.3 ระบบการประชุมทางไกล (teleconferencing system)
  2.4 ระบบสนับสนุนในสำนักงาน (office support system)
3. ระบบสารสนเทศเพื่อการจัดการ (Management Information system : MIS)
  มีหน้าที่จัดทำรายงานที่มีรูปแบบแตกต่างกัน สามารถจำแนกได้ 4 ประเภท ดังนี้
  3.1 รายงานที่จัดทำตามระยะเวลาที่กำหนด (periodic reports)
  3.2 รายงานสรุป (summarized reports)
  3.3 รายงานที่จัดทำตามเงื่อนไขเฉพาะ (executive reports)
  3.4 รายงานที่จัดทำตามต้องการ (demand reports)
4. ระบบสนับสนุนการตัดสินใจ (Decision Support System : DSS)
    ลักษณะที่สำคัญของ DSS คือ เป็นระบบที่ทำให้สามารถสืบค้นได้รวดเร็วประกอบการตัดสินใจ
5. ระบบสารสนเทศเพื่อผู้บริหาร (Executive Information System : EISหรือ Executive Support System : ESS) มีลักษณะสำคัญ 5 ประการ
  5.1 สนับสนุนการวางแผนกลยุทธ์ (strategic planning support)
  5.2 เชื่อมโยงกับสิ่งแวดล้อมภายนอกองค์กร (external environment focus)
  5.3 ความสามรถในการคำนวณภาพกว้าง (broad-based computing capabilities)
  5.4 ง่ายต่อการเรียนรู้และใช้งาน (exceptional ease of leaning and use)
  5.5 พัฒนาเฉพาะสำหรับผู้บริการ (customization)


สถาปัตยกรรมระบบการจัดการความรู้
1.บริการโครงสร้างพื้นฐาน (infrastructure services) หมายถึง เทคโนโลยีพื้นฐานที่จำเป็นในการประยุกต์กับการจัดการความรู้ มี 2 ประเภท คือ
  1.1 เทคโนโลยีที่สนับสนุนการจัดเก็บความรู้
  1.1.1 คลังข้อมูล
  1.1.2 แม่ข่ายความรู้
  1.2 เทคโนโลยีที่สนับสนุนการสื่อสาร
  1.2.1 เทคโนโลยีในการสื่อสารระหว่างพนักงาน
  1.2.2 เทคโนโลยีที่สนับสนุนความร่วมมือระหว่างพนักงาน
  1.2.3 เทคโนโลยีการจัดการทำงานของบุคลากร
2. บริการความรู้ (knowledge services) หมายถึง การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีเพื่อสนับสนุนการให้บริการความรู้ เป้าหมายหลักของการจัดการความรู้มี 3 ด้าน ดังนี้
  2.1 การสร้างความรู้
  2.2 การแบ่งปันความรู้
  2.3 การใช้ความรู้ซ้ำ
3.บริการประสานผู้ใช้กับแหล่งความรู้เหลือแหล่งสารสนเทศ (presentation services)การพัฒนาบริการประสานผู้ใช้กับแหล่งความรู้ หรือแหล่งสารสนเทศมี 2 ประเภท คือ
  3.1 บริการที่แสดงความเป็นส่วนบุคคลของผู้ใช้แต่ละคน
  3.2 ระบบที่ช่วยการมองเห็น


รูปแบบของเทคโนโลยีสารสนเทศกับกระบวนการจัดการความรู้
1. เทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อการรวบรวมและการจัดความรู้ที่ปรากฏ
    1.1 ระบบจัดการฐานข้อมูลสัมพันธ์
    1.2 ระบบจัดการเอกสาร
2. เทคโนโลยีสารสนเทศที่ใช้ในการสร้างความรู้
3. เทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อการเข้าถึงความรู้ที่ปรากฏ
  การนำเทคโนโลยีสารสนเทศมาใช้เพื่อเข้าถึงความรู้ที่ปรากฏมี 8 รูปแบบ ดังนี้
    3.1 กรุ๊ปแวร์
    3.2 อินเทอร์เน็ต
    3.3 โปรแกรมค้นหา
    3.4 อินทราเน็ต
    3.5 ไซต์ท่า
    3.6 เครื่องมือการไหลของงาน
    3.7 เครื่องมือการทำงานเสมือน
    3.8 การเรียนรู้ผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์
4. เทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อการประยุกต์ใช้ความรู้
  การนำเทคโนโลยีสารสนเทศมาประยุกต์ใช้ความรู้สามารถกระทำได้ดังนี้
    4.1 เครื่องมือที่เชื่อมระหว่างผู้ใช้กับสารสนเทศ
    4.2 ระบบสนับสนุนการปฏิบัติการ
    4.3 คลังข้อมูล
    4.4 การทำเหมืองข้อมูล
5. เทคโนโลยีสารสนเทศสนับสนุนการจัดการความรู้โดยนัย
    5.1 จดหมายอิเล็กทรอนิกส์
    5.2 การประชุมผ่านวิดีโอ
    5.3 กระดานอภิปราย
    5.4 เครื่องมือสนับสนุนโครงการ
6. เทคโนโลยีสารสนเทศที่ใช้ในการประมวลความรู้
    6.1 การแบ่งปันความรู้
    6.2 การเผยแพร่ความรู้


ประโยชน์ของเทคโนโลยีสารสนเทศที่นำมาใช้ในการจัดการความรู้
มีปัจจัยสำคัญดังนี้
1. การจัดการเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อจัดการความรู้ทำให้เกิดการจัดการระบบสารสนเทศเพื่อใช้ในการจัดการองค์กรอย่างเหมาะสม ถูกต้อง   การแบ่งเทคโนโลยีสารสนเทศที่นำมาใช้ในการจัดการความรู้ได้ 6 ประเด็น ดังนี้
1.1 งานเอกสารเวิร์ดโพรเซสเซอร์
1.2 งานอีบุ๊ก อีไลบรารี
1.3 ระบบฐานข้อมูล
1.4 เว็บ
1.5 อีเมล เอฟทีพี (FTP)
1.6 เว็บบล็อก (webblag)

2. ประโยชน์ของการจัดการความรู้
  2.1 ป้องกันความรู้สูญหาย
  2.2 เพิ่มประสิทธิภาพในการตัดสินใจจากประเภท คุณภาพ และ   
       ความสะดวกในการเข้าถึงความรู้
  2.3 ความสามารถในการปรับตัว และความยืดหยุ่น
  2.4 ความได้เปรียบในการแข่งขัน
  2.5 พัฒนาทรัพย์สินทางปัญญา
  2.6 ยกระดับผลิตภัณฑ์
  2.7 การบริหารลูกค้า
  2.8 การลงทุนทางทรัพยากรบุคคล












ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น