บทที่ 4 อินเทอร์เน็ต
ประวัติความเป็นมาและพัฒนาการของอินเทอร์เน็ต
ประวัติความเป็นมาและพัฒนาการของอินเทอร์เน็ต
อินเทอร์เน็ต
(internet) มาจากคำว่า
inter connection network หมายถึง
เครือข่ายของเครือข่ายคอมพิวเตอร์ที่มีขนาดใหญ่
เชื่อมโยงเครื่องคอมพิวเตอร์ทุกเครื่องทั่วโลกให้สามารถติดต่อสื่อสารถึงกันได้โดยใช้มาตรฐานเดียวกันในการรับส่งข้อมูล
ความเป็นมาของอินเทอร์เน็ต
อินเทอร์เน็ตมีจุดเริ่มต้นมาจากโครงการเครือข่ายคอมพิวเตอร์ทางการทหารของกระทรวงกลาโหม
สหรัฐอเมริกาที่มีชื่อโครงการว่าอาร์พาเน็ต
(ARPANET: advanced research project agency) พ.ศ.
2512 โดยมีรูปแบบของการทำงานที่เครื่องคอมพิวเตอร์แต่ละเครื่องสามารถส่งข้อมูลไปยังเครื่องคอมพิวเตอร์เครื่องอื่นๆ
พัฒนาการของอินเทอร์เน็ต
จากอดีตที่เป็นเว็บ 1.0 มาเป็นเว็บ 2.0 และเข้าสู่เว็บ 3.0 โดยเว็บเชิงความหมายเป็นเทคโนโลยีหนึ่งของเว็บ 3.0 ที่ทำให้มีการเชื่อมโยงข้อมูลของเว็บผู้พัฒนาและเว็บของแหล่งข้อมูลอื่นที่สัมพันธ์กัน
ทำให้เกิดระบบสืบค้นที่มีประสิทธิภาพ
สามารถสืบค้นข้อมูลได้อย่างรวดเร็วและตรงประเด็นภายใต้ความสัมพันธ์ของคำที่มีความหมายต่อกัน
และสามารถเชื่อมโยงไปยังข้อมูลที่ต้องการอย่างแท้จริง
หลักการทำงานของอินเทอร์เน็ต
การทำงานขององค์ประกอบต่างๆต้องใช้
โพรโทคอล
(protocol) หรือข้อตกลงที่กำหนดไว้เป็นมาตรฐานในการติดต่อสื่อสารระหว่างเครื่องคอมพิวเตอร์
ที่กำหนดขึ้นเพื่อให้เครื่องคอมพิวเตอร์ต่างชนิดกันสามารถติดต่อสื่อสารเพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างกันได้อย่างถูกต้องภายใต้มาตรฐาน
TCP/IP
1.
ไอพีแอดเดรส (IP address)
คือ
หมายเลขประจำตัวเครื่องคอมพิวเตอร์ที่เชื่อมต่อเข้ากับเครือข่ายอินเทอร์เน็ต
เพื่อเอาไว้อ้างอิงหรือติดต่อกับเครื่องคอมพิวเตอร์อื่นๆ ในเครือข่าย IP
address ถูกจัดเป็นตัวเลขชุดหนึ่งขนาด 32 บิต
ใน
1 ชุดนี้จะมีตัวเลขถูกแบ่งออกเป็น 4 ส่วน
ส่วนละ
8 บิต
เท่า ๆ กัน สามารถแทนค่าได้ 2564
หรือ
4,294,967,296 ค่า
เพื่อให้ง่ายต่อการจำ
การส่งข้อมูลบนอินเทอร์เน็ตโดยใช้ IPv4
2.
โดเมนเนม (domain name หรือ
domain name system : DNS) หมายถึง
ชื่อที่ถูกเรียกแทนการเรียกเป็นหมายเลขอินเทอร์เน็ต (IP
address) ซึ่งชื่อโดเมน
ประกอบด้วย ชื่อเครื่องคอมพิวเตอร์ ชื่อโดเมน ชื่อสับโดเมน
ที่สัมพันธ์กับหมายเลขไอพีของเครื่องนั้นๆ เช่น IP
address คือ
203.183.233.6 แทนที่ด้วยชื่อ
dusit.ac.th เพื่อให้ผู้ใช้งานสามารถจดจำชื่อได้ง่ายยกว่าการจำหมายเลขไอพี
โดเมนที่ได้รับความนิยมกันทั่วโลกที่ถือว่าเป็นโดเมนสากล
มีดังนี้ คือ
.com ย่อมาจาก
Commercial ธุรกิจ
.edu ย่อมาจาก
Education การศึกษา
.int ย่อมาจาก
International organization องค์กรนานาชาติ
.org ย่อมาจาก
Organization หน่วยงานที่ไม่แสวงหากำไร
.net ย่อมาจาก
Network หน่วยงานที่มีธุรกิจด้านเครือข่าย
การขอจดทะเบียนโดเมน
มี
2 วิธี
ด้วยกัน คือ
1.
การขอจดทะเบียนให้เป็นโดเมนสากล
(.com
.edu .int .org
.net) ต้องขอจดทะเบียน
กับ
www.networksolution.com ซึ่งเดิม
คือ
www.internic.net
2.
การขอทดทะเบียนที่ลงท้ายด้วย
.th
(thailand)
ต้องจดทะเบียนกับ
www.thnic.net
การขอจดทะเบียนโดเมนต้องเข้าไปจดทะเบียนกับหน่วยงานที่รับผิดชอบ
ชื่อโดเมนที่ขอจดนั้นไม่สามารถซ้ำกับชื่อที่มีอยู่เดิม
3.
โปรแกรมเว็บบราวเซอร์(web browser)
คือ โปรแกรมคอมพิวเตอร์
ที่ผู้ใช้สามารถดูข้อมูลและโต้ตอบกับข้อมูลสารสนเทศที่จัดเก็บในหน้าเว็บเพจที่สร้างด้วยภาษาเฉพาะ เช่น ภาษา HTML, PHPต่างๆ
เพื่อใช่ในการค้นหาข้อมูลเพื่อความบันเทิงหรือธุรกรรมอื่นๆ
ที่จัดเก็บไว้ในระบบบริการเว็บหรือระบบคลังข้อมูลอื่นๆ
โปรแกรมเว็บบราวเซอร์ที่พบในปัจจุบัน ได้แก่ internet explorer, google
chrome, firefox,
opera, safari, crazy browser, avant
browser, maxthon
browser, konqueror และ plawan
Browser
การเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต
เป็นการเชื่อมโยงกันของคอมพิวเตอร์บนระบบเครือข่าย
เสมือนเป็นใยแมงมุมที่ครอบคลุมทั่วโลกในแต่ละจุดที่เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตนั้น
สามารถเชื่อมต่อกันผ่านหน่วยงานที่เรียกว่า “ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต” หรือ ISP
(internet service provider) ซึ่งเป็นเจ้าของและผู้ดูแลระบบคอมพิวเตอร์ที่เชื่อมกับอินเทอร์เน็ต
การเชื่อมต่อคอมพิวเตอร์เข้ากับเครือข่ายของผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต
สามารถแบ่งออกเป็น 2 แบบ คือ
1.
การเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตแบบใช้สาย
1.1.
การเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตรายบุคคล
คือ การเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตจากที่บ้าน
(home user) หรือที่เรียกว่า
Dial-Up ที่ต้องอาศัยคู่สายโทรศัพท์ในการเข้าสู่เครือข่ายอินเทอร์เน็ต
1.2
การเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตแบบองค์กร
การเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตแบบองค์กร
(corporate connection) จะพบได้ทั่วไปตามหน่วยงานต่าง
ๆ ทั้งภาครัฐและเอกชน หน่วยงานต่างๆ เหล่านี้จะมีเครือข่ายท้องถิ่นเป็นของตัวเอง
ตัวอย่างการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตผ่านสายโทรศัพท์และแบบขององค์กร
2.การเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตแบบไร้สาย(Wireless internet)
2.1 การเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตแบบไร้สายผ่านเครือข่ายผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ เช่น
GPRS, CDMA และ EDGE
2.2 ระบบเครือข่ายวายฟายสาธารณะ
(Wi-Fi public hotspot) เป็นบริการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตด้วยระบบ LAN ไร้สาย
(wireless LAN หรือ
WLAN)
ตัวอย่าง Wi-Fi
Public Hotspot
อินเทอร์เน็ตความเร็วสูง
1.
ระบบ
ISDN (integrated service digital network)
เป็นการเชื่อมต่อสายโทรศัพท์ระบบใหม่ที่รับส่งสัญญาณเป็นดิจิทัลทั้งหมด
1.1 การให้บริการ
ISDN แบ่งเป็น 2 แบบคือ
1.1.1
BAI (basic access interface) หรือ BRI
(basic rate interface) เป็นบริการคู่สาย ISDN
สำหรับบ้านหรือองค์กรขนาดเล็ก
1.1.2
PRI (primary rate interface) เป็นการให้บริการคู่สาย ISDN
สำหรับองค์กรขนาดใหญ่
แบ่งการรับส่ง
1.2
อุปกรณ์ที่ใช้ในการต่ออินเทอร์เน็ตด้วยระบบโทรศัพท์
ISDN
1.2.1 network terminal (NT) เป็นอุปกรณ์ที่ใช้ต่อจากชุมสาย ISDN
เข้ากับอุปกรณ์ดิจิทัลของ ISDN
โดยเฉพาะ
1.2.2
terminal adapter (TA) เป็นอุปกรณ์แปลงสัญญาณเพื่อใช้ต่อ NT เข้ากับอุปกรณ์ที่ใช้กับโทรศัพท์บ้านระบบเดิม
และทำหน้าที่เป็น ISDN modem ที่ความเร็ว
64-128 Kbps
1.2.3 ISDN card เป็นการ์ดที่ต้องเสียบในแผงวงจรหลักในคอมพิวเตอร์เพื่อต่อกับ NT โดยตรง
ในกรณีที่ไม่ใช้ terminal adapter
2.
ระบบโทรศัพท์
ADSL(asymmetric digital subscriber loop)
เป็นการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตผ่านสายโทรศัพท์แบบเดิม
แต่ใช้การส่งด้วยความถี่สูงกว่าระบบโทรศัพท์แบบเดิมชุมสายโทรศัพท์ที่ให้บริการหมายเลข ADSL
จะมีการติดตั้งอุปกรณ์
คือ
DSLAM (dsl
access module) เพื่อทำการแยกสัญญาณความถี่สูงออกจากระบบโทรศัพท์เดิมและลัดเข้าเชื่อมต่อกัอินเทอร์เน็ตโดยตรง
ตัวอย่างการให้บริการ
ADSL
3.
เคเบิลโมเด็ม
อินเทอร์เน็ตผ่านเคเบิลโมเด็ม
(cable modem) เป็นการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตด้วยความเร็วสูงโดยไม่ใช้สายโทรศัพท์
แต่อาศัยเครือข่ายของผู้ให้บริการเคเบิลทีวี ให้ความเร็วสูงถึง 2/10
Mbps
4.
อินเทอร์เน็ตผ่านดาวเทียม (satellite
internet)
เป็นบริการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงโดยใช้ดาวเทียม
มีให้บริการ 2 แบบ คือ
4.1
one way คือ
การส่งข้อมูลผ่านดาวเทียมแบบทางเดียว
(downstream)
4.2
two way คือ
การส่งข้อมูลทั้งแบบ downstream และ
upstream ผ่านดาวเทียมทั้งหมด
โดยจานรับสัญญาณจะเป็นช่องทางส่งข้อมูลขึ้นและรับสัญญาณได้ตามปกติ เหมาะสำหรับผู้ใช้ที่อยู่ในบริเวณพื้นที่สายโทรศัพท์เข้าไม่ถึงหรือพื้นที่ห่างไกลเป็นการให้บริการแบบไม่จำกัดพื้นที่
5.
WiMAX
WiMAX มาจากคำว่า
worldwide interoperability for microwave access คือ เทคโนโลยีสำหรับบรอดแบนด์ไร้สาย
ถ้าต้องการใช้งานต้องทำการเชื่อมต่อกับสายเคเบิล โดยใช้ T1,
DSL หรือโมเด็มเคเบิล WiMAX เป็นมาตรฐานที่มีวิวัฒนาการสำหรับการสร้างเครือข่ายไร้สายแบบหนึ่งจุดเชื่อมต่อไปยังอีกหลายจุด
(P2MP)
6.
ระบบ
3G
3G (3rd generation) หรือยุคที่ 3 ของเครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่เปรียบเสมือน อินเทอร์เน็ตความเร็วสูงบนโทรศัพท์เคลื่อนที่ เป็นมาตรฐานการสื่อสารของโทรศัพท์ไร้สาย มีความเร็วในการรับส่งข้อมูลของระบบ 3G
1.
ภัยจากอินเทอร์เน็ต
1.1 ไวรัสและโปรแกรมอันตราย
1.1.1 boot sector/master boot record ไวรัสประเภทนี้จะฝังตัวไว้ที่บูตเซกเตอร์ของฮาร์ดดิสก์
(MBR) ทุกๆครั้งที่บูตเครื่องขึ้นมา
เมื่อมีการเรียกระบบปฏิบัติการ โปรแกรมไวรัสจะทำงานก่อนและเข้าไปฝังตัวอยู่ในไฟล์โปรแกรม
1.1.2 ไวรัสที่ติดไฟล์โปรแกรม
จะฝังตัวอยู่ในไฟล์โปรแกรม ซึ่งปกติจะเป็นไฟล์ที่มีนามสกุลเป็น .com
หรือ .exe
1.1.3 macro viruses จะติดกับไฟล์เอกสารซึ่งใช้เป็นต้นแบบ
ทุกๆเอกสารที่เปิดขึ้นใช้ด้วยต้นแบบอันนั้นจะเกิดความเสียหายขึ้น
1.1.4
trojan
horse เป็นโปรแกรมที่ถูกเขียนขึ้นมาให้ทำตัวเหมือนว่าเป็นโปรแกรมธรรมดาทั่วๆ ไป เพื่อหลอกล้อผู้ใช้ให้ทำการเรียกขึ้นมาทำงาน แต่เมื่อถูกเรียกขึ้นมาก็จะเริ่มทำลายไฟล์และโปรแกรมทันที
1.1.5 worm หรือ ตัวหนอน ต่างจากไวรัสชนิดอื่น
คือสามารถแพร่กระจายตัวเองได้โดยไม่ต้องฝังตัวในโปรแกรมหรือไฟล์ใดๆ
และมีผลกระทบต่อระบบมากที่สุด
1.1.6 exploit เป็นโปรแกรมที่ออกแบบมาให้สามารถเจาะระบบโดยอาศัยช่องโหว่ของระบบปฏิบัติการเพื่อให้ไวรัสสามารถครอบครอง ควบคุม
หรือกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดบนระบบได้
1.2 สปายแวร์และแอดแวร์
1.2.1 สปายแวร์
(spyware) เป็นโปรแกรมดักข้อมูลเมื่อผู้ใช้ติดตั้ง
โปรแกรมเหล่านี้จะสร้างความรำคาญหรือขโมยข้อมูลสำคัญ
1.2.2 แอดแวร์
(adware) เป็นโปรแกรมโฆษณาที่ถูกติดตั้งขึ้น
เพื่อ
1.3 สแปมเมล์
(spam mail) หรือ เมล์ขยะ
(junk mail)เป็นการส่งอีเมล์ไปยังผู้รับเป็นจำนวนมาก รบกวนการทำงานของอินเทอร์เน็ต ทำให้เสียเวลาในการคัดแยกและลบทิ้ง
2.
วิธีการป้องกันภัยจากอินเทอร์เน็ต
2.1
การประเมินความเสี่ยง
คือ
การพิจารณาถึงภัยคุกคามประเภทต่างๆที่อาจเกิดขึ้นกับระบบคอมพิวเตอร์และระบบเครือข่ายขององค์กร
2.2
นโยบายความมั่นคงปลอดภัย
กำหนดข้อบังคับตามความต้องการด้านความมั่นคงปลอดภัยและการควบคุมขององค์กร
2.3
การให้ความรู้ด้านความมั่นคงปลอดภัย
เป็นการให้ความรู้
2.4
การป้องกัน
ทำได้โดยการติดตั้ง
firewall ที่ทำหน้าที่ตรวจสอบข้อมูลที่ผ่านเข้าออกระหว่างระบบเครือข่าย
2.5
ระบบการตรวจจับการบุกรุก
(intrusion detection system : IDS) คือ
ระบบซอฟต์แวร์ที่ติดตามการจราจรและพฤติกรรมที่น่าสงสัยในเครือข่าย
จะทำการแจ้งเตือนไปยังผู้ดูแลระบบทันทีที่พบการบุกรุก
2.6
honey pot คือ
ระบบหลุมพรางที่ออกแบบมาให้เป็นเหยื่อล่อผู้โจมตี ให้หันมาโจมตีเครื่อง
honey pot แทนที่จะโจมตีระบบสำคัญขององค์กร
3.
การป้องกันสปายแวร์
โปรแกรม
windows defender ที่ช่วยรักษาความปลอดภัยทางอินเทอร์เน็ต
การทำงานของโปรแกรมมีหน้าที่ ดังนี้
3.1
spyware protection ช่วยป้องกันข้อมูลและคอมพิวเตอร์โดยมีหลักในการทำงาน
3.2
scanning and removing spyware ระหว่างการสแกนโปรแกรมจะตั้งค่าอันตรายให้กับสิ่งที่ตรวจพบโดยอัตโนมัติว่าควรอยู่ในระดับใด







ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น