วันศุกร์ที่ 21 ธันวาคม พ.ศ. 2555

บทที่6 ฐานข้อมูลและการสืบค้น




ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับฐานข้อมูลและการสืบค้น

1. ความหมายของฐานข้อมูลและการสืบค้น
  ฐานข้อมูล คือ การรวบรวมข้อมูลที่ต้องการจะจัดเก็บ ซึ่งต้องมีความสัมพันธ์กัน เพื่อสะดวกในการใช้งาน โดยอาศัยโปรแกรมที่ทำหน้าที่ในการกำหนดลักษณะข้อมูลที่จะเก็บไว้ในฐานข้อมูล อำนวยความสะดวกในการบันทึกข้อมูลลงในฐานข้อมูล แก้ไขปรับปรุงข้อมูล ค้นหาข้อมูล กำหนดสิทธิ์ผู้ที่ได้รับอนุญาตให้ใช้ฐานข้อมูลได้ 
การสืบค้น” คือการค้นหาข้อมูลที่ต้องการจากแหล่งต่าง ๆ ที่จัดเก็บไว้ กลับคืนมาด้วยวิธีการและเทคนิคอย่างเป็นขั้นตอน โดยอาศัยเทคโนโลยีสารสนเทศเป็นเครื่องมือในการเข้าถึงข้อมูลอย่างสะดวก รวดเร็ว และตรงกับความต้องการของผู้ใช้



2. องค์ประกอบของระบบฐานข้อมูล
2.1 ฮาร์ดแวร์ (Hardware) คือ คอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ต่าง ๆ เพื่อเก็บข้อมูลและประมวลผลข้อมูล 
2.2 ซอฟต์แวร์ (Software) คือ โปรแกรมที่ใช้ในระบบการจัดการฐานข้อมูล ซึ่งทำหน้าที่ในการจัดเก็บ บันทึก แก้ไขปรับปรุง และค้นหาข้อมูล
2.3 ข้อมูล (Data) ระบบการจัดการฐานข้อมูลที่ดีและมีประสิทธิภาพ ควรประกอบด้วยข้อมูลที่มีความถูกต้อง รวดเร็วและเป็นปัจจุบัน มีความสมบูรณ์ ชัดเจนและกะทัดรัด สอดคล้องกับความต้องการของผู้ใช้
2.4 กระบวนการทำงาน (Procedures) คือ ขั้นตอนการทำงานเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ตามที่ต้องการ
2.5 บุคลากร (People) บุคคลที่เกี่ยวข้องกับระบบการจัดการฐานข้อมูล ซึ่งได้แก่
    2.5.1 ผู้บริหารข้อมูล (Data Administrators) ทำหน้าที่ในการกำหนดความต้องการในการใช้ข้อมูลข่าวสารขององค์กร
    2.5.2 ผู้บริหารฐานข้อมูล (Database Administrators) ทำหน้าที่ในการบริหารจัดการ ควบคุม กำหนดนโยบาย มาตรการ และมาตรฐานของระบบฐานข้อมูลทั้งหมดภายในองค์กร
   2.5.3 นักวิเคราะห์ระบบ (Systems Analysts) มีหน้าที่ศึกษาและทำความเข้าใจในระบบงานขององค์กร
    2.5.4 นักออกแบบฐานข้อมูล (Database Designers) ทำหน้าที่นำผลการวิเคราะห์ 
   2.5.5 นักเขียนโปรแกรม (Programmers) มีหน้าที่รับผิดชอบในการเขียนโปรแกรมประยุกต์เพื่อการใช้งานในลักษณะต่าง ๆ ตามความต้องการของผู้ใช้
  2.5.6 ผู้ใช้ (User) เป็นบุคคลที่ใช้ข้อมูลจากระบบฐานข้อมูล


3. กระบวนการสืบค้นสารสนเทศ
        เริ่มจากผู้ใช้ใส่คำสอบถามเข้าไปในระบบคำสอบถามเป็นสารสนเทศที่ผู้ใช้ต้องการค้นหา เช่น การใส่คำสำคัญในช่องที่ให้ใส่คำสอบถามหรือใส่คำค้น เมื่อระบบทราบคำสอบถาม ก็จะทำการสืบค้นสารสนเทศจากเอกสารหรือสิ่งที่ต้องการ ผลลัพธ์ที่ได้นำเสนอเป็นสารสนเทศที่ถูกดึงออกมา

4. ประโยชน์ของฐานข้อมูล
4.1ลดความซ้ำซ้อนในการจัดเก็บข้อมูลเป็นการประหยัดเนื้อที่ในการจัดเก็บ และทำให้เกิดความรวดเร็วในการค้นหาและจัดเก็บข้อมูล
4.2 ข้อมูลที่จัดเก็บมีความทันสมัย  ทำให้ข้อมูลที่จัดเก็บเป็นข้อมูลที่มีความทันสมัย ตรงกับเหตุการณ์ในปัจจุบัน และตรงกับความต้องการอยู่เสมอ
4.3 ใช้ข้อมูลร่วมกันได้ ให้ผู้ใช้แต่ละคนเข้าใช้ข้อมูลในแฟ้มที่มีข้อมูลเดียวกันได้ในเวลาเดียวกัน
4.4จัดทำระบบการรักษาความปลอดภัยของข้อมูลได้ ผู้บริหารระบบฐานข้อมูลสามารถกำหนดรหัสผ่านเข้าใช้งานข้อมูลของผู้ใช้แต่ละราย







ฐานข้อมูลอิเล็กทรอนิคเพื่อการสืบค้น
 ได้แก่ ฐานข้อมูลวารสารอิเล็กทรอนิกส์
         ฐานข้อมูลหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ 
         ฐานข้อมูลวิทยานิพนธ์
         อิเล็กทรอนิกส์หรืองานวิจัยอิเล็กทรอนิกส์ 
         ฐานข้อมูลฤตภาค 
         ฐานข้อมูลรายการทรัพยากรสารสนเทศของสถาบัน    
         บริการสารสนเทศ ดังรายละเอียดต่อไปนี้
1. ฐานข้อมูลวารสารอิเล็กทรอนิกส์
 (E-Journal) คือ สื่อที่เผยแพร่เป็นฉบับต่อเนื่องมีกำหนดออกที่
แน่นอนและเสนอข้อมูลข่าวสารที่ทันสมัย รายงานความก้าวหน้า
ทางวิชาการ
2. ฐานข้อมูลหนังสืออิเล็กทรอนิกส์
(E-Book) เป็นหนังสือที่สร้างขึ้นด้วยโปรแกรมคอมพิวเตอร์
โดยปกติมักจะเป็นแฟ้มข้อมูลที่สามารถอ่านเอกสารผ่านทาง
หน้าจอคอมพิวเตอร์ หรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์แบบพกพาอื่น ๆ 
ได้
3.ฐานข้อมูลวิทยานิพนธ์อิเล็กทรอนิกส์หรืองานวิจัย
อิเล็กทรอนิกส์
เป็นฐานข้อมูล ดุษฎีนิพนธ์ วิทยานิพนธ์ ภาคนิพนธ์ งานวิจัย
และบทความวารสาร 
4. ฐานข้อมูลกฤตภาค
เป็นบริการข้อมูลข่าวสารที่ผู้รับบริการสามารถค้นหาข่าวที่ตัด
จากหนังสือพิมพ์ในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ ครอบคลุมหัวข้อข่าว
5. ฐานข้อมูลรายการทรัพยากรสารสนเทศของสถาบันบริการสารสนเทศ
คือ ระบบโอแพ็ก (Online Public Access Catalog : OPAC) ด้วย
โปรแกรมห้องสมุดอัตโนมัติซึ่งเป็นโปรแกรมสำเร็จรูป

เทคนิคการสืบค้น


เพื่อประหยัดเวลาในการสืบค้นข้อมูล ทำให้ได้ข้อมูลในปริมาณ
ที่ไม่มากเกินไป และได้ผลการค้นที่ตรงตามประสงค์ของผู้ค้น 
สามารถใช้เทคนิคเหล่านี้ ได้แก่
 1. เลือก Search engine หรือโปรแกรมที่ช่วยในการค้นหาข้อมูลบนอินเทอร์เน็ตที่เหมาะสม เช่น www.google.co.th
  2. เลือกใช้คำสำคัญ หรือ หัวเรื่อง ที่ตรงกับความต้องการ
  3. กำหนดขอบเขตของคำค้น

การสืบค้นสารสนเทศมัลติมีเดีย
คือ การนำองค์ประกอบของสื่อชนิดต่าง ๆ มาผสมผสานเข้าด้วย
กัน ซึ่งประกอบด้วยตัวอักษร รูปภาพ ภาพเคลื่อนไหว เสียง และ
วีดีทัศน์ โดยผ่านกระบวนการทางระบบคอมพิวเตอร์ 
1. การสืบค้นรูปภาพในอินเทอร์เน็ต
รูปภาพจะถูกจัดเก็บในรูปแบบของบิตตัวเลขซึ่งไม่ใช่ข้อความ
ทำให้ไม่สามารถนำรูปแบบดังกล่าวมาเปรียบเทียบเพื่อใช้
สืบค้นได้โดยตรง
1.1 การสืบค้นรูปภาพจากคำค้น โดยเว็บไซต์ที่นิยมใช้ในการสืบค้นข้อมูลมากที่สุด คือ Google ซึ่งสามารถใช้ในการค้นหารูปภาพได้เช่นกัน ที่เรียกว่า Google image search 
1.2 การสืบค้นรูปภาพจากรูปภาพ  Google image searchสามารถค้นหาเนื้อหาทุกประเภทที่เกี่ยวข้องกับแต่ละรูปภาพ 
1.2.1 วิธีป้อน URL ของรูปภาพ
    1)ให้คลิกขวาที่รูปภาพแล้วเลือกตัวเลือกที่จะคัดลอกรูปภาพนั้นใน browser จากนั้นคัดลอก URL ที่ปรากฏขึ้น
    2) ไปที่ images.google.com หรือหน้าผลการค้นหาใดก็ได้ของ images แล้วคลิกไอคอนกล้องถ่ายรูปในช่องค้นหา
    3) วาง URL ที่คัดลอกมาลงในช่องค้นหา
    4) คลิก “ค้นหา”
1.2.2 วิธี upload รูปภาพ
1) ไปที่ images.google.com  แล้วคลิกไอคอนกล้องถ่ายรูปในช่องค้นหา
2) คลิกเมนูอัพโหลดภาพ
3) คลิกปุ่ม Browse… เพื่อเลือกไฟล์
4) เลือกรูปภาพจากคอมพิวเตอร์
ผลการค้นหา
    เมื่อค้นจากภาพ ผลการค้นหาจะดูแตกต่างจากหน้าผลการค้นหารูปภาพหรือเว็บตามปกติ ความแตกต่างที่เด่นชัด คือ ผลการค้นหาอาจมีผลการค้นหาที่ไม่ใช่รูปภาพ
2. การสืบค้นเสียงในอินเทอร์เน็ต
การสืบค้นเสียงในอินเทอร์เน็ตสามารถค้นได้ด้วยคำค้นและ
เสียง ซึ่งสามารถสืบค้นได้ดังนี้
  2.1 การสืบค้นเสียงจากคำค้น 
  2.2 การสืบค้นเสียงจากเสียง Google 
3. การสืบค้นวีดีโอในอินเทอร์เน็ต
  เว็บไซต์ที่นิยมใช้ในการสืบค้นวีดีโอมากที่สุดในปัจจุบัน คือ 
youtube.com ซึ่งเป็นเว็บไซต์ชุมชนศูนย์รวมไฟล์วีดีโอที่ใหญ่ที่สุด
อีกแห่งหนึ่งในโลก



แนวโน้มการสืบค้นในอนาคต
การค้นหาด้วยวิธีแบบดั้งเดิม หรือการค้นหาโดยใช้คำสำคัญ
อาจทำให้ผลลัพธ์ที่ผู้ใช้งานได้รับมีข้อมูลทั้งที่ตรงและไม่ตรงกับ
ความต้องการปะปนกัน ผู้ใช้งานจึงต้องเสียเวลาในการอ่านและ
คัดแยกข้อมูลที่ไม่ต้องการออกไป เนื่องจากเทคนิคการสืบค้น
แบบดั้งเดิมตั้งอยู่บนพื้นฐานของการค้นหาคำ 











วันศุกร์ที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2555



บทที่ 5
เครือข่ายสังคมออนไลน์


แนวคิดเกี่ยวกับเครือข่ายสังคมออนไลน์


1. ความหมายของเครือข่ายสังคมออนไลน์
  หมายถึง สังคมออนไลน์ที่มีการเชื่อมโยงกันเพื่อสร้างเครือข่ายในการตอบสนองความต้องการทางสังคมที่มุ่งเน้นในการสร้างและสะท้อนให้เห็นถึงเครือข่าย หรือความสัมพันธ์ทางสังคม ในกลุ่มคนที่มีความสนใจหรือมีกิจกรรมร่วมกัน
องค์ประกอบของเครือข่ายสังคมออนไลน์ ได้แก่
  1.1 การมีสมาชิกของเครือข่าย
  1.2 การมีจุดมุ่งหมายร่วมกัน
  1.3 การปฏิบัติหน้าที่ของสมาชิกในเครือข่าย
  1.4 การสื่อสารภายในเครือข่าย
  1.5 การมีปฏิสัมพันธ์เชิงแลกเปลี่ยน
  1.6 การให้บริการสมาชิกเครือข่ายสังคมออนไลน์ในรูปแบบต่างๆ

2. ความเป็นมาของเครือข่ายสังคมออนไลน์ 
มาจากการพัฒนาทางเทคโนโลยีอินเทอร์เน็ตจากเว็บ 1.0 (เว็บเนื้อหา) มาสู่เว็บ 2.0 (เว็บเชิงสังคม) ซึ่งจุดเด่นของเว็บ 2.0 คือ การที่ผู้ใช้สามารถสร้างเนื้อหาบนอินเทอร์เน็ตได้เองโดยไม่จำกัดว่าจะต้องเป็นทีมงานหรือผู้ดูแลเว็บไซต์ ซึ่งเรียกว่าUser Generate Content ข้อดีของการที่ผู้ใช้เข้ามาสร้างเนื้อหาได้เองเว็บ 2.0 ยุคแห่งการสื่อสารสองทาง จึงเป็นสื่อหลักที่นำมาซึ่งความเปลี่ยนแปลงจนเกิดการปฏิวัติรูปแบบเทคโนโลยีสู่เว็บเซอร์วิสหลายอย่าง  ดังนี้
  2.1 การติดต่อสื่อสาร(Connecting)รูปแบบการติดต่อสื่อสารที่เปลี่ยนไป
  2.2 การแสดงตัวตน(Self Expression)การแสดงตัวตนในสังคมออนไลน์
  2.3 การหาความรู้(Knowledge) การสืบค้นหาข้อมูลความรู้ต่างๆ   
  2.4 ความบันเทิง(Entertainment) การเปิดรับความบันเทิงผ่านดิจิทัล
  2.5 รูปภาพ (Photo) การแบ่งปันรูปภาพให้เพื่อนดู

ประเภทของเครือข่ายสังคมออนไลน์
1. สร้างและประกาศตัวตน (Identity Network)ใช้สำหรับให้ผู้เข้าใช้งานได้มีพื้นที่ในการสร้างตัวตนขึ้นมาบนเว็บไซต์ และสามารถที่จะเผยแพร่เรื่องราวของตนผ่านทางอินเทอร์เน็ต โดยลักษณะของการเผยแพร่อาจจะเป็นรูปภาพ วิดีโอ การเขียนข้อความลงในบล็อก
 1.1 บล็อก (Blog)  ที่เป็นเสมือนบันทึกหรือรายละเอียดข้อมูลที่เก็บไว้ ดังนั้นบล็อกจึงเป็นโปรแกรมประยุกต์บนเว็บที่ใช้เก็บบันทึกเรื่องราว หรือเนื้อหาที่เขียนไว้โดยเจ้าของเขียนแสดงความรู้สึกนึกคิดต่างๆ โดยทั่วไปจะมีผู้ที่ทำหน้าที่หลักที่เรียกว่า “Blogger”
1.2ไมโคบล็อก(MicroBlog)มีลักษณะเด่นโดยการให้ผู้ใช้โพสต์ข้อความจำนวนสั้นๆ ผ่านเว็บผู้ให้บริการ และสามารถกำหนดให้ส่งข้อความนั้นๆ ไปยังโทรศัพท์เคลื่อนที่ได้ เช่น Twitter 
2. สร้างและประกาศผลงาน (Creative Network) 
สำหรับผู้ใช้ที่ต้องการแสดงออกและนำเสนอผลงานของตัวเอง สามารถแสดงผลงานได้จากทั่วทุกมุมโลก จึงมีเว็บไซต์ที่ให้บริการพื้นที่เสมือนเป็นแกลเลอรี่ (Gallery) ที่ใช้ จัดโชว์ผลงานของตัวเองไม่ว่าจะเป็นวิดีโอ รูปภาพ เพลง ได้แก่ YouTube, Flickr, Multiply, Photobucket และ Slideshare เป็นต้น
3. ความชอบในสิ่งเดียวกัน (Passion Network) ทำหน้าที่เก็บในสิ่งที่ชอบไว้บนเครือข่ายเป็นการสร้าง ที่คั่นหนังสือออนไลน์ (Online Bookmarking) มีแนวคิดเพื่อให้ผู้ใช้สามารถเก็บหน้าเว็บเพ็จที่คั่นไว้ในเครื่องคนเดียวก็นำมาเก็บไว้บนเว็บไซต์ได้เพื่อที่จะได้เป็นการแบ่งปันให้กับคนที่มีความชอบในเรื่องเดียวกันสามารถใช้เป็นแหล่งอ้างอิงในการเข้าไปหาข้อมูลได้
4.เวทีทำงานร่วมกัน(Collaboration Network)เป็นเครือข่ายสังคมออนไลน์ที่ต้องการความคิด ความรู้ และการต่อยอดจากผู้ใช้ที่เป็นผู้มีความรู้เพื่อให้ความรู้ที่ได้ออกมามีการปรับปรุงอย่างต่อเนื่องและเกิดการพัฒนาในที่สุด
 5. ประสบการณ์เสมือนจริง (Virtual Reality)มีลักษณะเป็นเกมออนไลน์(Online games)ซึ่งเป็นเว็บที่นิยมมากเพราะเป็นแหล่งรวบรวมเกมไว้มากมาย มีลักษณะเป็นวิดีโอเกมส์ที่ใช้สามารถเล่นบนเครือข่ายอินเทอร์เน็ตเกมออนไลน์นี้มีลักษณะเป็นเกม3มิติที่ผู้ใช้นำเสนอตัวตนตามบทบาทในเกมส์ ผู้เล่นสามารถติดต่อปฏิสัมพันธ์กับผู้เล่นคนอื่นๆ ได้เสมือนอยู่ในโลกแห่งความเป็นจริง
6.เครือข่ายเพื่อการประกอบอาชีพ(Professional Network) เป็นเครือข่ายสังคมออนไลน์เพื่อการงาน โดยจะเป็นการนำประโยชน์จากเครือข่ายสังคมออนไลน์มาใช้ในการเผยแพร่ประวัติผลงานของตนเอง และสร้างเครือข่ายเข้ากับผู้อื่น




ผู้ให้และผู้ใช้บริการเครือข่ายสังคมออนไลน์ 



1.กลุ่มผู้ให้บริการเครือข่ายสังคมออนไลน์ (Social Network Service : SNS)
  1.1 สร้างและประกาศตัวตน (Identity Network)
1.1.1 Facebook (เฟซบุ๊ก) เป็นบริการเครือข่ายสังคมออนไลน์ เปิดให้บริการเมื่อ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2547 เจ้าของคือ Facebook, Inc. ผู้ก่อตั้งคือ มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก (Mark Zuckerberg) ปัจจุบันเป็นที่นิยมและมีจำนวนผู้ใช้เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
1.1.2 Twitter (ทวิตเตอร์) เป็นบริการเครือข่ายสังคมออนไลน์ประเภทไมโครบล็อกจัดเป็นบล็อกขนาดเล็ก มีคุณสมบัติคล้ายกับบล็อกทั่วไป ทวิตเตอร์ก่อตั้งเมื่อเดือนมีนาคม พ.ศ. 2549 โดย แจ็ก คอร์ซีย์, บิซ สโตน และ อีวาน วิลเลียมส์ เจ้าของบริษัท Obvious Corp ที่ซานฟรานซิสโก สหรัฐอเมริกา
1.1.3 Bloggang (บล็อกแก๊ง) เป็นบริการเครือข่ายสังคมออนไลน์ประเภทบล็อกของประเทศไทยที่เปิดบล็อกเพื่อให้บริการกับผู้ใช้ เพื่อให้ผู้ใช้นำเสนอเรื่องราวและเหตุการณ์ต่างๆ ของผู้ใช้ในรูปแบบของบทความ กราฟิก หรือวิดีโอ และอนุญาตให้ผู้อื่นที่เข้ามาดูบล็อกนั้นๆ สามารถเขียนความคิดเห็นต่างๆ ลงไปได้



     1.2 สร้างและประกาศผลงาน (Creative Network)
1.2.1 YouTube (ยูทูบ) เป็นเว็บไซต์ประเภทแชร์ไฟล์วิดีโอ
1.2.2 Flickr (ฟลิคเกอร์) เป็นบริการเครือข่ายสังคมประเภทแชร์รูปภาพ
     1.3 ความชอบหรือคลั่งไคล้ในสิ่งเดียวกัน (Passion Network)
1.3.1 Ning (หนิง) เป็นแพลตฟอร์มออนไลน์สำหรับบุคคลและองค์กรในการสร้างเครือข่ายทางสังคมที่กำหนดเอง
1.3.2 Digg (ดิกก์) เปิดตัวเมื่อเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2547 ผู้ก่อตั้งคือ เควิน โรส เจาของคือ Digg, Inc.ดิกก์เป็นเว็บไซต์ประเภทชุมชนเนื้อหาที่เกี่ยวกับข่าวเทคโนโลยีและวิทยาศาสตร์เป็นส่วนใหญ่ โดยนำเอาการคั่นหน้าเว็บผสมกับบล็อก  เพื่อให้มีการเชื่อมโยงเนื้อหาเว็บเข้าด้วยกัน 
1.3.3 Pantip (พันทิป) เป็นเว็บไซต์ของประเทศไทยที่ให้บริการกระดานข่าวสำหรับผู้ที่ ชื่นชอบในเรื่องเดียวกัน




      1.4 เวทีทำงานร่วมกัน (Collaboration Network)
1.4.1 Wikipedia (วิกิพีเดีย) เป็นโครงการสารานุกรมเนื้อหาเสรีหลายภาษาบนเว็บไซต์
1.4.2 Google Earth (กูเกิล เอิร์ธ) พัฒนาโดยบริษัทกูเกิล เป็นซอฟต์แวร์สำหรับให้บริการดูแผนที่ภาพถ่ายทางอากาศจากทั่วโลก และผังเมืองซ้อนทับลงในแผนที่รวมทั้งระบบจีไอเอส (GIS) ในรูปแบบ 3 มิติ
      1.5 ประสบการณ์เสมือนจริง (Virtual Reality)
1.5.1 Second Life (เซคันด์ไลฟ์) พัฒนาโดยบริษัทลินเดนรีเสิร์ชเซคันด์ไลฟ์ได้รับแรงบันดาลใจจากวรรณกรรมที่เรียกว่า ไซเบอร์พังก์ (cyberpunk) และนวนิยายของนีล สตีเฟนสัน (Neal Stephenson) เรื่อง Snow Crash ให้บริการเมื่อ พ.ศ. 2546 เป็นเครือข่ายสังคมออนไลน์ที่ช่วยในการร่วมสร้างประสบการณ์เสมือนจริง
1.5.2 World of Warcraft เกมรูปแบบ Massively multiplayer online game (MMORG) ในจักรวาลของ warcaft พัฒนาโดย Blizzard Entertainment
      1.6 เครือข่ายเพื่อการประกอบอาชีพ (Professional Network)
       ลิงค์อิน (LinkedIn)
  ลิงค์อิน (LinkedIn) เป็นเว็บไซต์เครือข่ายสังคมที่ให้บริการเพื่อการประกอบอาชีพเน้นด้านเครือข่ายธุรกิจ โดยจุดประสงค์หลักของลิงค์อินเพื่อให้บริการแก่ให้ผู้ใช้ที่ลงทะเบียนกับทางเว็บไซต์แล้ว ผู้ใช้จะสามารถสร้างรายการส่วนตัวเกี่ยวกับอาชีพสำหรับติดต่อกับผู้อื่นหรือกับบริษัทต่างๆและเป็นการสร้างเครือข่ายทางอาชีพของผู้ใช้เอง
       1.7 เครือข่ายที่เชื่อมต่อกันระหว่างผู้ใช้ (Peer to Peer : P2P)
1.7.1 Sky (สไกป์)เป็นโปรแกรมที่ให้ผู้บริการผู้ใช้สำหรับสนทนาโทรศัพท์ สนทนาแบบวิดีโอ ส่งข้อความผ่านอินเทอร์เน็ต 
1.7.2 BitTorrent (บิตทอร์เรนต์) เป็นโพรโทคอลรูปแบบ peer-to-peer ในการแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างเครื่องคอมพิวเตอร์ด้วยกันโดยตรงผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ต 



3. กลุ่มผู้ใช้บริการเครือข่ายสังคมออนไลน์
  ผู้ใช้เครือข่ายสังคมออนไลน์สามารถกำหนดขอบเขตได้เป็นกลุ่มช่วงวัย (เศรษฐพงศ์ มะลิสุวรรณ, 2553) ดังนี้
  3.1 กลุ่ม Generation Z
  3.2 กลุ่ม Generation Y และ Generation D (Digital)
  3.3 กลุ่ม Generation X




เครือข่ายสังคมออนไลน์กับการประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน
1.ด้านการสื่อสาร (Communication)
   การนำเสนอข่าวสารผ่านเว็บไซต์ของสำนักข่าว เช่น ไทยรัฐ ผู้จัดการออนไลน์ หรือที่อยู่ในรูปแบบของเว็บบล็อก
2.ด้านการศึกษา(Education)
  นำมาใช้ในการสืบค้น ความรู้ ข้อเท็จจริง ทั้งด้านภูมิศาสตร์ ประวัติศาสตร์ หรือวิทยาศาสตร์ ที่เรียกว่าสารานุกรมออนไลน์ ซึ่งสามารถนำไปใช้อ้างอิงได้มีการนำเครือข่ายสังคมออนไลน์มาประยุกต์ใช้สำหรับจัดการเรียนการสอนในรูปแบบต่าง ๆ
3. ด้านการตลาด (Marketing)
  การนำเครือข่ายสังคมออนไลน์มาใช้ประโยชน์ในการสร้างแบรนด์ได้อย่างชัดเจน เพราะเป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพสูงในการสื่อสารเพื่อสร้างการเข้าถึงสร้างความสัมพันธ์ การมีส่วนร่วมกับผู้บริโภคได้ดีและวัดผลได้ทันที
4. ด้านบันเทิง (Entertainment)
  การนำเครือข่ายสังคมออนไลน์มาใช้ในงานโฆษณาผลิตรายการ เป็นเครื่องมือสื่อสารระหว่างบริษัท และศิลปินจะเห็นได้จากบริษัทผู้ผลิตผลงานทางด้านบันเทิงมีความนิยมใช้ประโยชน์จากเครือข่ายสังคมออนไลน์ผ่านยูทูบ
5. ด้านสื่อสารการเมือง (Communication Political)
  การพูดคุยสื่อสารติดต่อกันระหว่างกลุ่มคน หรือบุคคลที่ต้องการแลกเปลี่ยนความคิดทางการเมือง กลุ่มนี้จัดเป็นกลุ่มที่สร้างกระแสนิยมให้กับเครือข่ายสังคมออนไลน์ระดับโลก




ผลกระทบของเครือข่ายสังคมออนไลน์
1. ผลกระทบเชิงบวก
   1.1 เป็นสื่อในการนำเสนอผลงานของตัวเอง 
   1.2 เป็นสื่อที่ใช้ในการแบ่งปันข้อมูล 
   1.3 เป็นเวทีแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องต่างๆ
   1.4 เป็นเครือข่ายกระชับมิตร 
   1.5 เป็นเครื่องมือช่วยในการสื่อสารให้มีประสิทธิภาพ 
   1.6 เป็นเครื่องมือช่วยในการพัฒนาชุมชน 
   1.7 เป็นสื่อในการโฆษณา ประชาสัมพันธ์
   1.8 ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในการติดต่อสื่อสารกับผู้อื่น 
2. ผลกระทบเชิงลบ
 2.1 เป็นช่องทางที่ถูกละเมิดลิขสิทธิ์
 2.2 หากใช้หมกมุ่นกับการเข้าร่วมเครือขายสังคมออนไลน์มากเกินไปอาจส่งผลเสียต่อสุขภาพ
 2.3 เป็นช่องทางที่สามารถวิพากษ์วิจารณ์กระแสสังคมในเรื่องเชิงลบ 
 2.4 ภัยคุกคามจากเครือข่ายสังคมออนไลน์ในรูปแบบต่างๆ